บทความ

การลดริ้วรอยด้วยโบฯ คืออะไร เหมาะกับใคร ฉีดตรงไหนบ้าง BLC รวบรวมมาให้แล้วค่ะ

การลดริ้วรอยด้วยโบฯ คืออะไร เหมาะกับใคร ฉีดตรงไหนบ้าง BLC รวบรวมมาให้แล้วค่ะ

โบ ท็อกซ์ คืออะไร

เป็นโปรตีนที่สกัดได้จากการสร้างของแบคทีเรีย “คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum)” ซึ่งเชื้อโรคนี้หากได้รับในปริมาณน้อย ๆ อย่างพอเหมาะจะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว โดยเริ่มแรกได้มีการนำสารโบ ท็อกซ์มาใช้ในการรักษาโรคตาเหล่ ตาเข และพัฒนาต่อมาใช้ในวงการเสริมความงาม ช่วยให้ริ้วรอยต่าง ๆ ลดลงและทำให้ผิวหน้ากระชับขึ้น
การฉีดโบฯ ในวงการเสริมความงามจะช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า สามารถปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก รวมถึงยังสามารถลดกล้ามเนื้อน่องแขน น่องขาได้อีกด้วย
เมื่อทำการฉีดโบฯไปแล้ว สาร Botulinum Toxin A จะเข้าไปทำให้เซลล์ประสาทบริเวณกล้ามเนื้อที่ฉีดหยุดหลั่งสารสื่อประสาทออกมา จนทำให้เรารู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวหดตัว ชา และตึงจนไม่สามารถขยับได้ และเมื่อฉีดไปสักครู่ กล้ามเนื้อส่วนที่ฉีดก็จะค่อย ๆ คลายตัวออกมาและทำให้ริ้วรอยบนใบหน้าดูจางลง ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ระยะเวลาการเห็นผลจะแตกต่างกันไป ปกติแล้วหลังฉีด 2 – 3 วัน ริ้วรอยจะเริ่มดูจางลง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นสารธรรมชาติ ร่างกายจึงสามารถค่อย ๆ สลายไปได้เองในระยะเวลา 6 – 12 เดือน แตกต่างกันไปตามการดูแลและชนิดของโบฯที่เลือกใช้
 

เหมาะกับใคร ?

การฉีดโบฯนั้นเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ
  • ลดริ้วรอยบนใบหน้าที่เกิดจากการเคลื่อนไหวหรือการแสดงอารมณ์ เช่น บริเวณระหว่างคิ้ว หน้าผาก หางตา รอบปาก
  • ปรับรูปหน้าหรือกรอบหน้าให้ดูเรียวกระชับ ลดกราม ลดริ้วรอยบริเวณคอ
  • ลดอาการปวดต่าง ๆ เช่น ปวดไมเกรน ปวดหลัง
  • ลดเหงื่อที่ผิวหนัง เช่น บริเวณรักแร้ ฝ่ามือ
 

ฉีดโบฯชนิดไหนดี

Allergan: Allergan เป็นบริษัท original  มีงานวิจัยรับรองกว่า 3,500 งานวิจัย และผ่านการพัฒนาให้มีโอกาสดื้อโบฯน้อยที่สุดและเห็นผลการรักษาดีที่สุดเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น ตัวยามีการกระจายตัวแคบที่สุด จึงให้ผลการรักษาที่แม่นยำ
 
Dysport: จุดเด่นคือเมื่อฉีดแล้วตัวยากระจายทั่วถึง ไม่กระจุก เหมาะกับการฉีดลิฟหน้า dermolift เพื่อยกกระชับผิว นอกจากนี้จะนิยมใช้ Dysport ฉีดลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว ลดต้นแขน ลดน่อง แต่เนื่องจากมีการกระจายตัวยากว้าง แพทย์จึงต้องมีประสบการณ์และใช้ความระมัดระวังในการฉีด เพื่อไม่ให้ยากระจายไปยังจุดที่ไม่ต้องการ และทำให้เสี่ยงเกิดผลข้างเคียงเช่น ตาตก ยิ้มไม่สุด
 
Nabota: เป็นโบฯสัญชาติเกาหลียี่ห้อเดียวที่ผ่านงานวิจัยรับรองจาก อย.อเมริกา จุดเด่นของ Nabota คือออกฤทธิ์ไว เห็นผลลัพธ์หลังฉีดค่อนข้างเร็ว เหมาะกับคนที่ต้องการผลแบบเร่งด่วน นิยมนำมาใช้ในการลดริ้วรอย เช่น รอยย่นหน้าผาก หางตา ระหว่างคิ้ว และสามารถนำมาใช้เพื่อลดกราม ยกคิ้ว กระชับหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก
 
Aestox: โบฯเกาหลีที่ผ่าน อย.ไทย มีความปลอดภัย ตัวยามีความบริสุทธิ์สูง ช่วยลดโอกาสในการดื้อได้ดี เห็นผลไว มีความอ่อนโยน ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ หน้าไม่แข็ง นิยมฉีดเพื่อลดริ้วรอยหางตา รอยย่นหน้าผาก รอยระหว่างคิ้ว ปรับรูปหน้าให้เรียว ลดเหงื่อ
 

ฉีดตรงไหนดี แต่ละตำแหน่งใช้กี่ยูนิต

สามารถนำมาฉีดแก้ไขปัญหาได้หลายบริเวณ โดยจำนวนยูนิตที่ใช้จะปรับตามปัญหาของคนไข้แต่ละบุคคล ซึ่งต้องได้รับการประเมินจากแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญก่อนทุกครั้ง

  • กราม ประมาณข้างละ 25-30 ยูนิต เป็นบริเวณที่นิยมในการฉีดเพื่อปรับรูปหน้าเรียว
  • หน้าผาก ประมาณ 15-20 ยูนิต บริเวณหน้าผากจะตึงเป็นธรรมชาติ ริ้วรอยลดลง
  • ระหว่างคิ้ว ประมาณ 6-15 ยูนิต รอยย่นระหว่างคิ้วตึงขึ้น
  • หางตา ประมาณ 15-20 ยูนิต ลดริ้วรอย รอยตีนกาบริเวณหางตา
  • สันจมูก ประมาณ 4-6 ยูนิต รอยย่นตรงจมูกจะตึงขึ้น
  • ปีกจมูก ประมาณ 15-20 ยูนิต จะทำให้ปีกจมูกขยับได้น้อยลง เวลาแสดงสีหน้าและแกนจมูกคมชัดขึ้น
  • ลิฟกรอบหน้า ประมาณ 30-50 ยูนิต กระชับผิวที่หย่อนคล้อยบริเวณกรอบหน้า
  • ลิฟเหนียง ประมาณ 30-50 ยูนิต กระชับผิวบริเวณเหนียง ให้เต่งตึงมากขึ้น
  • ลิฟคอ ประมาณ 30-50 ยูนิต กระชับผิวหย่อนคล้อยบริเวณลำคอ รอยเหี่ยวย่นตึงขึ้น
  • กระชับรูขุมขน ประมาณ 25-30 ยูนิต รูขุมขนบนใบหน้ากระชับขึ้น ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น
  • รักแร้ ประมาณ 80-100 ยูนิต เหงื่อบริเวณรักแร้ออกน้อยลง กลิ่นตัวลดลง ผิวหนังกระชับขึ้น
 


บทความที่เกี่ยวข้อง